มณฑลทหารบกที่ ๔๔
44th Military Circle
For Country, Religions, Monarchy, and People.
ดำรงพระยศ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 – ปัจจุบัน
สถาปนา 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
“สมเด็จพระมหามุนีวงศ์” (อัมพร อัมพโร) ปัจจุบัน สิริอายุ 89ปี พรรษา 68 เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนครกรุงเทพฯ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) กรรมการมหาเถรสมาคมและแม่กองงานพระธรรมทูต
สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ มีนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์เกิดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. พ.ศ.2470 ที่ ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรีบิดา-มารดา ชื่อ นายนับ และนางตาล ประสัตถพงศ์ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย ในช่วงวัยเยาว์ ด.ช.อัมพรได้เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทวานุเคราะห์ กองบินน้อยที่ 4โคกกระเทียม อ.เมือง จ.ลพบุรี จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ต่อมา เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.2480 ณวัดสัตตนารถปริวัตร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยมีพระธรรมเสนานี(เงิน นันโท) เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ สามเณรอัมพรได้ย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดตรีญาติ ต.พงสวายเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความมุ่งมั่น
ใน พ.ศ.2483 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2484สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท พ.ศ.2486 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอกและสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค พ.ศ.2488 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
กระทั่งปี พ.ศ.2490 สามเณรอัมพร ได้ย้ายมาอยู่จำพรรษา ณวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือจินตากโร) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระจินดากรมุนีนำมาฝากกับเจ้าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถร)และให้สามเณรอัมพร เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม2491 ณ มหาพัทธสีมาวัดราชบพิธฯ
โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถร)เป็นพระอุปัชฌาย์, สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี’ (ทองเจือ จินตากโร)ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระจินดากรมุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ภายหลังอุปสมบทท่านมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักเรียนวัดราชบพิธฯ พ.ศ.2491สามารถสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค และ พ.ศ.2493 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 6ประโยค ท่านได้สมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นนักศึกษา รุ่นที่ 5 จบศาสนศาสตร์บัณฑิต เมื่อปี พ.ศ.2500
ต่อมา พ.ศ.2509 ได้เข้าอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศเป็นพระธรรมทูตรุ่นแรก ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2512ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี พ.ศ.2552 สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยถวายศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ พ.ศ.2553สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ
ย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ.2516 ท่านเป็นหัวหน้าพระธรรมทูตนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยมีพระขันติมาโลชาวอังกฤษ เป็นสหธรรมิก พร้อมไวยาวัจกร ตามคำนิมนต์ของมิสเตอร์ไนท์ประธานพุทธสมาคมแห่งรัฐนิวเวาธ์เวล์ ได้วางรากฐานพระพุทธศาสนาตลอดถึงเป็นเนติให้สหธรรมิกที่มาภายหลังได้เผยแผ่อย่างเป็นรูปแบบทำให้พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท มีความมั่นคงมีวัดและพระสงฆ์อยู่ประจำรัฐแห่งนี้ ก่อนขยายไปยังเมืองใหญ่อีกหลายเมืองอาทิ กรุงแคนเบอร์รา นครเมลบอร์น และเมืองดาร์วิน เป็นต้น
นอกจากนี้ ท่านยังได้สร้างคุณูปการแด่คณะสงฆ์อย่างมากมาย อาทิงานด้านการศึกษา เป็นอาจารย์สอนธรรมวินัยแก่พระภิกษุ-สามเณรเป็นกรรมการสนามหลวงแผนกธรรมและแผนกบาลีเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยมหากุฏราชวิทยาลัย เป็นต้น
งานด้านสาธารณูปการ ท่านเป็นประธานอำนวยการฝ่ายบรรพชิตพระมหาธาตุเจดีย์และเขตพุทธาวาสเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และฉลองมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ วัดธัมมธโร กรุงแคนเบอร์ร่าประเทศออสเตรเลีย และเป็นประธานสร้างวัดแหล่งทองแดงพรหมสราราม อ.ดอนตูมจ.นครปฐม เป็นต้น
ส่วนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่านเป็นรองแม่กองงานพระธรรมทูตรูปที่ 2 ผุ้นำพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ไปเผยแผ่ในประเทศออสเตรเลียและเป็นรองประธานกรรมการที่ปรึกษาสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต)
งานด้านการศึกษาสงเคราะห์ ได้มอบทุนสงเคราะห์แก่ผู้เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
งานด้านการสาธารณสงเคราะห์ท่านเป็นรองประธานกองทุนวัดช่วยวัดของมหาเถรสมาคมให้ความช่วยเหลือเมื่อมีอุบัติภัย วาตภัย อุทกภัย หรือภัยแล้งนำเงินบริจาคเพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัยนั้นๆ ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2514ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระปริยัติกวีพ.ศ.2524 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชสารสุธี พ.ศ.2533 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพเมธาภรณ์ พ.ศ.2538ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมเมธาภรณ์
พ.ศ.2543 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะ ในราชทินนามที่ พระสาสนโสภณ
และวันที่ 5 ธันวาคม 2552ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏที่“สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ พิพัฒนพงศ์วิสุต พุทธปาพจนานุศาสน์ วาสนวรางกูรวิบูลศีลสมาจารวัตรสุนทร ตรีปิฎกธรรมวราลงกรณวิภูษิต ธรรมยุตติกคณิสสรบวรสังฆาราม คามวาสี อรัณยวาสี”
ทั้งนี้ กล่าวได้ว่า สมเด็จพระมหามุนีวงศ์เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่เอาใจใส่ในกิจการงานของพระอารามหลวงด้วยดีตลอดมาดังจะเห็นได้จากตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ที่รับภารธุระอยู่ทุกประการล้วนต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์พร้อมทั้งความตั้งใจจริงอย่างดียิ่ง ปัจจุบัน เจ้าประคุณสมเด็จฯ สิริอายุ89 ปี พรรษา 68 โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อัมพโร)เกิดปีเดียวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แต่แก่เดือนกว่า 5 เดือน